ข้าวเกรียบว่าว (Giant Rice Crispy)

รู้จักข้าวเกรียบว่าวกันมั้ยเอ่ย?

ข1.jpg

“ข้าวเกรียบว่าว” แผ่นข้าวสีขาวนวลย่างให้เหลืองพองกรอบ ขนมกินเล่นยอดฮิตที่อยู่คู่ชาวไทยมาช้านานแล้ว โดยคนเหนือเรียกว่า “ข้าวตวบ” หรือ “ข้าวพอง” พี่น้องชาวอีสานเรียก “ข้าวโป่ง” หรือ “ข้าวเขียบ” ขณะที่คนใต้รู้จักกันในนาม “ข้าวเกรียบหูช้าง” ปัจจุบันหารับประทานได้ค่อนข้างยาก จึงทำให้เด็กยุคสังคมออนไลน์ อาจไม่รู้จักข้าวเกรียบว่าวที่เป็นเอกลักษณ์ และภูมิปัญญาของไทยที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้

แม้ในอดีตข้าวเกรียบว่าวเคยได้รับการยกย่องว่าเป็นของกินเล่นยอดฮิต ทว่าปัจจุบันความนิยมเริ่มซาไปเด็กรุ่นใหม่แทบไม่รู้จัก ขณะที่ผู้ใหญ่หลายคนก็เริ่มหลงลืม
เราจึงอยากชวนพี่ๆ-น้องๆ Steemit รำลึกถึงของกินเล่นชนิดนี้กันอีกสักครั้ง

ข2.jpg

วัตถุดิบ

ข้าวเหนียว ใช้ข้าวเหนียวเขี้ยวงูเก่า ข้าวเกรียบว่าวที่ได้จะมีสีนวลสวย และปิ้งได้พองกรอบมากขึ้น
น้ำตาลโตนด แต่ละท้องถิ่นใช้วัตถุดิบเพิ่มความหอมหวานให้ข้าวเกรียบว่าวแตกต่างกันไป เช่น ภาคเหนือใช้น้ำอ้อยก้อน ภาคอีสานใช้รากกระพังโหม (เครือตดหมา) ทว่าสูตรของชาวสิงห์บุรีใช้น้ำตาลปี๊บเนื้อหนึ่ง ซึ่งหาซื้อได้ในตลาดทั่วไป โดยบอกกับผู้ขายว่า “น้ำตาลปี๊บอย่างดี” หรือ “น้ำตาลปี๊บเนื้อหนึ่ง” แม้จะมีราคาสูงกว่าน้ำตาลปี๊ปแบบธรรมดา แต่รสชาติที่ได้หอมหวานกลมกล่อมกว่า
ไข่แดงต้มสุก ใช้ไข่แดงของไข่เป็ดที่ต้มสุกแล้ว ช่วยไม่ให้ติดมือ
น้ำมันมะพร้าว ช่วยให้ลื่นในขั้นตอนทำให้เป็นแผ่น

เครือตดหมา.jpg

กระพังโหม หรือ เครือตดหมา (ยาอายุวัฒนะเลยนะครับเนี่ยขอบอก)

อุปกรณ์

ครกไม้ขนาดใหญ่ หรือครกมองตำข้าว, ไม้ปิ้งข้าวเกรียบว่าว 1 ชุด (มี 2 อัน), ท่อเอสล่อนคลึงแป้ง, เตาถ่านขนาดใหญ่, กระด้งหรือเสื่อสาน, หวดนึ่งข้าวเหนียว, แผ่นพลาสติกหนาพอประมาณตัดเป็นแผ่นกลมมีเส้น
ผ่าศูนย์กลางประมาณ 11 นิ้ว เครื่องไม้เครื่องมืออื่น ๆ หยิบยืมได้จากในครัว...

ครกมอง.jpg

ตัวอย่างครกมองตำข้าวครับ

ขั้นตอนการทำ “ข้าวเกรียบว่าว”

ล้างข้าวเหนียวให้สะอาด แช่ทิ้งไว้ 1 คืน แล้วนำใส่หวดไปนึ่งให้สุก (น้ำซาวข้าวอย่าทิ้งเก็บไว้ใช้ในการนวดแป้ง) ต้องรักษาอุณหภูมิข้าวเหนียวให้ร้อน/อุ่นอยู่ตลอด ข้าวเหนียวที่นึ่งสุกต้องรีบตำทันที เพราะหากข้าวเหนียวเย็นจะไม่สามารถตำรวมกับน้ำตาลให้เป็นเนื้อเดียวกันได้

cc41c532-546f-0f5e-e0a8-2c3b12b307a7.jpg

นำข้าวเหนียวนึ่งสุกที่กำลังร้อนมาใส่ครกแล้วตำ ระหว่างตำเมื่อเห็นข้าวเหนียวมีความหนืดให้ใส่น้ำซาวข้าวลงไปนิดหน่อยเพื่อไม่ให้ข้าวติดครก ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนข้าวละเอียดและมีความเหนียวนุ่ม ใส่น้ำตาลโตนดลงไปตำ หมั่นกลับไปกลับมาเรื่อย ๆ จนส่วนผสมเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน

หลังตำข้าวเหนียวจนได้ที่แล้วต้องเก็บไว้ในกระติกเก็บความร้อนตลอดเวลา เพราะหากปล่อยให้เย็น ข้าวเหนียวที่ตำไว้จะแข็งจนไม่สามารถนำมาคลึงเป็นแผ่นข้าวเกรียบได้

maxresdefault.jpg

น้ำมันมะพร้าวใส่ถ้วย ใส่ไข่แดงต้มสุกลงไป ใช้ช้อนคนไข่แดงกับน้ำมันให้เข้ากัน ใช้มือชุบน้ำมันไข่แดง หยิบแป้งมาปั้นเป็นก้อนกลมให้มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1-1½ นิ้ว วางลงบนแผ่นพลาสติกที่ตัดเตรียมไว้ ใช้มือกด ๆ แป้งให้แผ่ออก แล้วใช้ท่อเอสล่อนคลึงกดแป้งให้แบนเสมอกันและขนาดเท่าแผ่นพลาสติก

144-recipe-25-01-650.jpg

หยิบแผนพลาสติกที่มีแป้งมาคว่ำลงบนกระด้งหรือเสื่อสาน และดึงแผ่นพลาสติกที่อยู่ด้านบนลอกออก ให้ทำเช่นนี้เรื่อย ๆ จนแป้งหมด ก่อนจะนำไปตากแดด 2 ชั่วโมง พลิกด้านตากอีก 2 ชั่วโมง แล้วนำมาผึ่งในที่ร่มให้เย็นก่อนจะเก็บใส่ถุงพลาสติก เก็บไว้ได้นานเป็นเดือน เมื่อต้องการรับประทานก็นำเอามาปิ้งไฟ

DSCF4400.JPG

เทคนิคการปิ้งข้าวเกรียบว่าวให้พองสวย นำข้าวเกรียบว่าววางบนไม้ไผ่ที่จักเป็นซี่ (มีด้ามจับยาวประมาณ 1 เมตร) แล้วใช้ไม้ไผ่ที่จักเป็นซี่อีกอันวางเหนือข้าวเกรียบว่าวเพื่อช่วยประคองไม่ให้ตก จากนั้นนำไปปิ้งบนเตาถ่านขนาดใหญ่ด้วยไฟแรงปานกลางค่อย ๆ เอียงด้านข้างข้าวเกรียบเข้าหาไฟทีละด้าน เมื่อพองแล้วให้พลิกกลับด้านบ่อย ๆ ปิ้งหมุนวนไปรอบ ๆ จนสุกทั่วทั้งแผ่น

1238169708.jpg

**หากไม่มีไม้ไผ่จักเป็นซี่ สามารถใช้ตะแกรงสำหรับปิ้งอาหารแทนได้ โดยวางตะแกรงไว้เหนือเตาไฟ แล้วใช้คีมสำหรับคีบอาหารกลับแผ่นข้าวเกรียบว่าวไปมาจนส

สำหรับโพสนี้ก็ขอลาเพียงเท่านี้ ขอบพระคุณที่โหวตและคอมเม้นเป็นกำลังใจให้ครับผม

H2
H3
H4
3 columns
2 columns
1 column
Join the conversation now