สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ steemit & busy,
หวังว่าเพื่อนๆ สบายกันดีนะคะ ตอนนี้อากาศบ้านเราก็ร้อนระอุ ดังนั้นใจเราอย่าร้อนตามอุณหภูมิกันนะค่ะ ที่เค้าเรียกว่าอาการหัวร้อน มาทำใจร่มๆ ให้อารมณ์เย็นลงแล้วค่อยคิดวิเคราะห์แก้ไขปัญหากันไป เพราะเดี๋ยวนี้วิเห็นคนมีอาการหัวร้อนกันง่ายขึ้น เอะอะก็ปรี๊ด ความดันทุรังขึ้น จากปัญหานิดหน่อยการเป็นบานปลายกันได้
วิคิดว่าพอเราโตเป็นผู้ใหญ่ เราก็จะเจอะเจอปัญหาเรื่องคน เรื่องชีวิตมากกว่าตอนเราเป็นเด็กๆ หรือวัยรุ่น เพราะตอนนั้น เราก็ยังคิดว่าอะไรสวยงามไปหมด เด็กๆ ส่วนมากก็คิดกันเรื่องเรียน กิน เล่น เที่ยว แต่พอเราโตขึ้น ด้วยอาชีพการงาน ภาระทางสังคม ที่ทำให้เราต้องรับผิดชอบมากขึ้น เราก็จะมีความเครียดมากขึ้นตามมา แหมแต่วิขนาดหนีมาอยู่ในเกาะที่ไม่ค่อยวุ่นวาย จอแจ เท่ากรุงเทพฯ ก็ยังหลีกไม่พ้นเรื่องความเครียดเลยค่ะ โดยเฉพาะเรื่องคน อันนี้ค่อนข้างจะเกิดขึ้นกันบ่อย และก็คงจะหลีกหนีปัญหานี้ได้ยาก เพราะเราก็ต้องพึ่งพาและเป็นมนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ยังต้องมีกลุ่มมีฝูงกันบ้าง จะมาเป็นฤาษีหนีออกป่าไปบวช ไปให้ห่างคนก็คงยังไม่ได้ ยังตัดกิเลสและโลกภายนอกไม่ขาด ดังนั้นวิก็คงต้องอาศัยการเขียนช่วยบำบัดความเครียดและอารมณ์แทน
ก่อนหน้านี้ช่วงเดือนเมษายน ที่วิห่างหายจาก steemit จนเพื่อนๆ บ่นหา สาเหตุก็มาจากความเครียดเรื่องคนนี้แหละค่ะ ทำให้ไม่มีอารมณ์มาเขียนอะไรลง steemit เพราะกลัวจะนำอารมณ์และพลังลบๆ มาลงที่นี้ แต่วิมานั่งคิดว่าถ้าวิมีอารมณ์เบื่อๆ เรื่องคนประจำ วิคงต้องลาออกจากที่นี้เป็นการถาวรแทน 555 เพราะเราหลีกหนีปัญหาพวกนี้ไม่พ้นนะคะ เค้าถึงเรียกมาคนมากความ มันเป็นเรื่องปกติสามัญชนมากเลยค่ะ ต้องมีติดบ้านไว้เหมือนยาสามัญประจำบ้าน วิเลยมาเปลี่ยนความคิดตัวเองว่า ถ้าเราชอบ steemit เราชอบเขียน เราน่าจะเอาที่แห่งนี้เป็นที่บำบัดอารมณ์ของเราให้เรากลับมาสู่โหมดมีพลังบวกก็ได้ ไม่ใช่ห่างหายไปนานๆ ให้เพื่อนๆ ถามหาว่า วิไปไหน ? วิยังอยู่ไหมอีก ? 555
พอวิมานั่งคิดๆ ดูว่าปัญหาเรื่องคนมันมีอะไรบ้าง อยากจะบอกว่ามันมีสารพัดสารพัน บรรยาย 7 วันก็ไม่หมดหรอกค่ะ เพราะแต่ละคนก็มีความคิดแตกต่าง เกิดมาจากคนละท้อง โตมาจากคนละสภาพแวดล้อม จะให้มานึกคิดหรือเห็นดีเห็นงามเหมือนกันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นปัญหามันก็เกิดขึ้นได้เสมอ ถ้าความคิดเห็นไม่ตรงกัน
วิธีการแก้ปัญหาของวิเรื่องคน ก็คือ ไม่ต่อความยาว สาวความยืด ถ้าเราพูดว่าจบเราก็ต้องจบให้ได้ ทั้งอารมณ์ความคิดและคำพูด ไม่ใช่ปากบอกจบแต่ในใจยังไม่ยอมจบ ยังต้องหาวิธีการแก้แค้นหรือแก้เผ็ด อันนี้คงไม่จบง่ายๆ กลายเป็นบานปลายเปล่าๆ บางทีก็อดคิดแว้บมาในหัวว่าไม่ได้ขอฉันได้แสดงอิทธิฤทธิ์หน่อยได้ไหม แต่พอมาลองคิดๆ เราก็อาจจะได้ความสะใจแค่ตอนนั้น แต่หลังจากนั้น มันก็ไม่ได้มีผลดีกับตัวใครเลย สรุปจบบริบูรณ์ดีที่สุด
การมองคน บางทีเราก็ต้องมองคนให้ลึกซึ้ง ตอนแรกวิก็คิดว่ามีแต่ในละครในภาพยนตร์ ที่คนเราจะมี 2 หน้า เป็นหนังเรื่อง face off ไปได้ แต่มันก็มีจริงๆ คนที่แสดงบทได้ดียอดเยี่ยมให้รางวัลออสการ์ไปได้เลย การที่คนๆ หนึ่ง สามารถทำให้เราคิดว่าเค้าคือเพื่อนที่ดี เค้าคือคนที่จริงใจ แต่ถ้าเค้าไม่ได้คิดแบบนั้นกับเรา ถึงเราจะเสียใจกับการกระทำของเค้า แต่เราก็จะไปตีโพยตีพายมากคงไม่ได้ คนเราบางทีเค้าก็ไม่รู้ตัวว่าการกระทำของเค้าที่ทำมันไม่ดีตรงไหน เพราะบางทีตอนนั้นในหัวใจเค้าถูกปิดกั้นด้วยคำว่าอิจฉาริษยาก็ได้ คนพวกนี้สงสารเค้านะคะ คนที่หัวใจมีแต่ความอิจฉาคนอื่น ไม่มีทางมีความสุขในชีวิตหรอกค่ะ ดังนั้นถ้าเราไม่ได้เป็นแบบนั้น ถือว่าเราโชคดีแล้วค่ะ วิธีการแก้ปัญหาของวิ คือ จะทำตัวออกห่างคนประเภทนี้ให้มากที่สุด จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะเราไม่มั่นใจว่าต่อหน้าเราเค้าดีแล้วลับหลังเอาเราไปพูดแบบไหน มาเจอเพื่อนหรือคนประเภทนี้แล้วปล่อยให้เค้ามาวนเวียนในชีวิต มีแต่จะนำความปวดหัวมาให้ปล่าวๆ เราต้องตัดไปเลยค่ะ อย่าได้แคร์ เราจะสบายใจมากขึ้น เพราะเราไม่ต้องมากังวลว่าเค้าจะมาไม้ไหน 555
เรื่องการพูดด้วยค่ะ การที่เราพูดจาอะไรออกไป ต้องระวังให้มากขึ้น เพราะบางคนก็นำคำพูดเราไปตีแบบผิดๆ แปลกๆ จนถึงขั้นทำให้กลายเป็นความหมางใจกันปล่าวๆ ยิ่งวิโตขึ้น เจอคนมากขึ้น เข้าใจเลยว่าคำพูดนี้ต้องระวังให้มากๆ ลิ้นไม่มีกระดูก มันพลิกได้ตลอดค่ะ จนเดี๋ยวนี้วิต้องประหยัดคำพูดไว้เยอะเลย แล้วมาปล่อยใน steemit อย่างบ้าคลั่งแทน 555 เพราะเราก็กลัวว่าเราจะไปพูดอะไรให้คนฟังไม่ชอบใจ หรือเราอาจจะไปพูดคำพูดใครแล้วกลายเป็นผิดเพี้ยนทำให้เค้าไม่ชอบกันอีก กลายเป็นเราไปสร้างปัญหาให้คนอื่นแทนโดยที่เราไม่รู้ตัว ดังนั้นวินี้เลิกพูดมากเลยค่ะ เพราะกลัวใจคนฟังเหลือเกินที่มีเจตนารมณ์ดี เอาคำพูดเราไปสื่อสารให้สีขาวเป็นสีดำไปได้ 555
คำพูดเป็นนายเราเสมอ ถ้าเราอยากให้คนเชื่อคำพูดเรา อยากเป็นคนมีเครดิต เราก็ต้องพยายามรักษาคำพูด อย่าตะแบง แถ หรือพยายามจะพูดให้ตัวเองดูดีทั้งที่ตัวเองผิดเต็มประตู วิก็เคยเป็นคนชอบแถนะค่ะ ตอนเด็กๆ ไม่ค่อยยอมรับความผิดเท่าไหร่ 555 แต่พอโตมาเรารู้สึกว่าการที่เรายอมรับผิดและขอโทษอย่างจริงใจมันดูดีกว่าการเถียงไปข้างๆ คูๆ แรกๆ ก็อาจจะมีอีโก้หน่อย กลัวเสียหน้าที่จะขอโทษใครก่อนเวลาที่เราทำผิดจริง แต่เดี๋ยวนี้จะผิดมากผิดน้อยถ้าวิทำผิด วิก็จะขอโทษด้วยความจริงใจไม่ได้ขอโทษไปส่งเดชหรือขอโทษไปงั้นๆ ให้เรื่องมันจบ แต่ถ้าวิไม่ผิดนี้ ไม่ยอมนะคะ วิก็จะแสดงเหตุผลและความคิดวิออกมา แต่ถ้าเรื่องนั้นไม่มีใครผิดใครถูก ก็ปล่อยมันไปค่ะ คิดต่างได้ไม่ต้องมารบราค่าฟันกัน แค่เรารู้ไว้ว่าเค้ากับเราชอบคิดไปคนละอย่าง คนละแนว เราก็แค่พยายามไม่ต้องไปออกความคิดเห็นให้กันมาก ไม่งั้นเถียงกันตายเลย จะกลายเป็นไม่ชอบขี้หน้ากันไปอีก ฐานที่ไม่ยอมคิดเหมือนกัน 555
ตอนนี้วิก็พยายามพัฒนาตัวเองทางด้านอารมณ์และความนึกคิด ให้ตัวเองเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะ ไม่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ที่ไร้เหตุผล ไม่อยากให้ใครเรียกว่ามนุษย์ป้า เพราะเดี๋ยวนี้เค้าเอามาเรียกผู้ใหญ่ที่ยังทำตัวไม่สมวัย ยังทำอะไรขาดความนึกคิดและสติสัมปัญชัญญะ ชอบเอาอารมณ์นำเหตุผล วิอยากเป็นคนที่จะแก่แบบมีคุณภาพ ดีกว่าแก่กระโหลกกะลา ให้เด็กรุ่นใหม่นับถือดีกว่าให้มาถอนหงอกเราเล่น 555
พอวิได้มาเขียนลง steemit มันเหมือนได้ช่วยคัดกรองและบำบัดความคิดและอารมณ์ของวิมากขึ้น ได้นั่งคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่เป็นมลภาวะทางอารมณ์ ปรับจากอารมณ์เสียให้เป็นอารมณ์ที่ดีขึ้น ให้มีสติสัมปัญชัญญะมากขึ้น บางทีเราไปหาหนังสือมาอ่านหลายๆ เล่ม ก็ไม่เท่าเราพยายามตรึกตรองและสอนตัวเอง ถึงเราจะอ่านมากเท่าไหร่ ใจเราไม่เปิด เราไม่ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น มันก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ สู้เรายอมรับความจริงมองโลกอย่างรู้เท่าทัน ตามอารมณ์ความรู้สึกของเราให้ทัน วิว่ามันก็ช่วยทำให้ความเครียดที่สะสมทุเลาลงได้เช่นกันนะค่ะ
วันนี้อาจจะออกแนวติสท์ ปรัชญานิดนึงนะคะ ก็บอกแล้วว่าให้ steemit เป็นที่บำบัดอารมณ์นิดนึง 555 อ่านเรื่องราวของวิก็ต้องหลากหลายหน่อยๆ จะมาตลกหกฉากตลอดเวลาก็คงไม่ได้ ต้องแล้วแต่คนเขียนเลยค่ะงานนี้ ต้องตามใจเจ้าของโพสหน่อยนะคะ อิๆ
คืนนี้ฝันดีราตรีสวัสดิ์นะคะ
วิ